EP 3: อยากรู้ Channels ไหนส่งลูกค้าชั้นดีมาเว็บเรา GA รู้แถมรู้ลึกด้วย!

Patticia L.
3 min readJul 11, 2019

--

source: pexels.com

วันนี้เราจะมาต่อเรื่อง Basic Reports ของ GA ที่มีทั้งหมด 3 Reports โดย EP 2 ได้อธิบายรายละเอียดและประโยชน์ของ “Audience Report” แบบจัดเต็ม 💯ใครสนใจหาอ่านได้ที่นี่นะ https://bit.ly/2G45R3o

source: analytics.google.com

📊 EP นี้ว่ากันเรื่อง “Acquisition Reports” สามารถเจอ sectionนี้ได้ที่ใต้ section “Audience Report” ด้านซ้ายมือของ GA Dashboard เราสามารถใช้ Acquisition reports เพื่อ
1) วิเคราะห์ว่า traffic ที่วิ่งเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซค์เรามาจากช่องทางไหนบ้าง
2) วิเคราะห์ลึกลงไปอีกว่าพฤติกรรมที่เกิดขึ้นของลูกค้าที่มาจากแต่ละช่องทางเป็นยังไง โดย GA มีค่า metrics ให้ดูหลักๆ 3 ค่า คือ Bounce Rate, Page/Session (ค่าเฉลี่ยนการเปิดหน้าเพจเราต่อการเยี่ยมชมแต่ละครั้ง), Avg. Session Duration ใช้เวลาเฉลี่ยบนเว็บไซค์เรานานเท่าไหร่ต่อการเยี่ยมชมแต่ละครั้ง
3) สรุปสุดท้าย เราสามารถดูได้ว่าลูกค้าที่มาชาแนลไหน เกิด Conversion มากที่สุด ** อธิบาย terms “Conversion” ให้เข้าใจกันมากขึ้น Conversion สามารถเป็นค่าวัดผลอะไรก้ได้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแคมเปญนั้น เช่น แคมเปญเพิ่มยอดขาย Conversion ในที่นี้คือมีการคลิกสั่งซื้อ หรือหากแคมเปญหาลูกค้าใหม่ Conversion ก็จะเป็นการสมัครสมาชิกใหม่

เมื่อเราวิเคราะห์ทั้งหน้ากระดานของ “Acquisition Reports” จะช่วยให้เราสามารถเปรียบเทียบได้ว่าช่องทางไหนคือ high quality traffic ซึ่งช่วยให้เราสามารถตัดสินใจว่าเราควร focus marketing efforts ที่ช่องทางไหน

เคยสงสัยกันไหมคะว่า GA สามารถระบุ traffic sources ได้ยังไง 😕❓ มาค่า เราจะเจาะลึกลงมาอีกนิดด 👉 เมื่อลูกค้าเปิดหน้าเว็บไซค์เราไม่ว่าจะมาจากทาง Social Media, Google, SMS, Email หรือช่องทางอื่นๆ GA จะบันทึกข้อมูลที่ฝังอยู่ใน URL ที่พาลูกค้ามาทันที ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกข้อมูลที่เรียงตัวบน URL ว่าค่า“Attributes/dimensions” ที่ประกอบไปด้วย 1) Traffic medium 2)Source 3) ชื่อ Marketing campaign

เริ่มกันที่ค่าแรก Traffic Medium คำว่า Medium แปลไทยว่าสื่อกลาง ตัวกลาง เมื่อรวมกับ traffic จึงสรุปทื่อๆว่า traffic ที่วิ่งเข้าเว็บไซค์เรามาจากสื่อกลางไหน เอาให้ชัดเจนขึ้นขอยกตัวอย่าง mediums ตามที่ GA ได้จัดกลุ่มไว้เช่น “organic,” “cpc,” “referral,” “email,” and “none.”

source: wholewhale.com
  • “Organic” เมื่อ traffic มาจากการ search เอง ผ่าน Google และคลิกลิ้งที่เป็น non-paid Google Search result
  • “Social” เมื่อ traffic มาจากช่องทาง Facebook/Instagram
  • “Display” เมื่อ traffic มาจากช่องทาง Display ads ของ Google
  • “CPC” เมื่อ traffic มาจากการซื้อ search บน Google
  • “Referral” เมื่อ traffic มาจากการเข้าจากเว็บไซค์อื่นก่อนจะมาเว็บไซค์เรา เช่นคลิก Ads เราผ่าน wongnai.com
  • “Email” เมื่อ traffic มาจาก email marketing campaign.
  • “(none)” เมื่อ traffic มาจากการพิม URL เราตรงๆ หรือเมื่อ medium ของ URL นั้นไม่ได้ระบุตาม default naming ของ GA ก็จะถูกมัดรวมเข้า none โดยปริยาย

มาถึงตรงนี้อาจสงสัยว่า “Source” ต่างจาก “Medium” ยังไง 😕❓
“Source” เป็นการขยายความของ Medium แบบเอาให้รู้แจ้งไปเลยว่าจากที่ไหน เช่น medium คือ “referral,” source จะบอกเป็น URL ที่ส่งลูกค้ามาเข้าเว็บไซค์เรา

ใต้ section “Acquisition” จะมีเมนู“All Traffic” เมื่อคลิกจะเจอเมนูย่อย Source/Medium” เราจะสามารถเห็นค่า sources และ mediums เป็นค่าหลัง เช่น google/organic คือ traffic มาจาก source “Google” และเป็น organic search traffic คือลูกค้าเสริชหาผ่าน Google และคลิกลิ้งที่เป็น non paid search result เข้ามาที่เว็บไซต์เรา เอาให้เคลียร์ๆไปเลยด้วยตัวอย่างอีกอัน google/cpc คือ traffic มาจาก source “Google” และเป็น paid search คือลูกค้าเสริชหาผ่าน Google และคลิกลิ้งที่เป็น paid search result

🏆Channels Report

นอกจากการดูที่มาของ traffic ผ่าน “source/medium” เรายังสามารถดูผ่าน “Channels Report” ซึ่งGA ระบุที่มาของ traffic โดยจัดกลุ่มตามประเภทของchannels เช่น Organic, Social, Direct, Referral, Display, etc. ซึ่งเมื่อเราคลิกไปที่channel นั้นๆ เราจะสามารถดูรายละเอียดรายชื่อ URL ของ traffic ที่ส่งเข้ามาภายใต้ channel นั้นๆ ซึ่งการจัดกลุ่ม channel บน GA เราสามารถสร้างใหม่ได้ ไว้มาเขียนใน EP ต่อไป

overview channel grouping report
เมื่อคลิกที่ channel จะเห็นรายชื่อ URL ภายใต้ channel นั้นๆ

💰Referrals Report

สุดท้าย เมื่อเราอยากรู้ว่าใครช่วยส่ง traffic มาที่เว็บไซค์เรา เราสามารถเรียกดูได้ที่ “Referrals” report ซึ่งหากเราคลิกที่ referral เราสามาถเห็นเป็น list ของ pages ที่ส่งลูกค้ามาให้เราและหากเราอยากรู้ให้ลึกขึ้นไปอีกว่าหน้าไหนของเพจนั้นๆที่ลูกค้าคลิก เราสามารถเลือก secondary dimension จากนั้นพิมคำว่า “landing page” แค่นี้เราก็จะเห็นว่า specific URL ของ page นั้นๆ ซึ่งข้อมูลเชิงลึกนี้ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่าความสนใจของลูกค้าเราคือเรื่องอะไร ใครน่าจะเป็น potential partners ที่เราควรจะฝากโฆษณาสินค้าเราไว้และเป็น quality traffic 😘

เมื่อเราใส่ secondary dimension:Landing page เราจะเห็นคอลัม Landing Page ที่เป็น specific page ของ site นั้นๆ

📢 EP ต่อไปจะสอนการอ่าน Basic Report ชุดสุดท้ายของ GA แต่ทรงพลังขึ้นไปอีก คือ “Behavior Reports” และเป็นอันจบการสอนการอ่าน Basic Report ก่อนที่เราจะว่ากันต่อเรื่อง Basic Campaign and Conversion Tracking ซึ่งเรื่องนี้สนุกและเข้มข้น ใครสายชอบวิเคราะห์น่าจะปลาบปลื้มบทนี้ 😆

--

--

Patticia L.
Patticia L.

Written by Patticia L.

Product Owner, Curiosity in business analytic and user behavior

No responses yet